หอบูชาฟ้าเทียนฐาน,Temple of heaven
หอบูชาฟ้าเทียนฐาน หรือที่รู้จักกันในชื่อต่างๆดังนี้ Temple of heaven, หอสักการะฟ้าเทียนถัน, 天坛, 天壇, Tiāntán, Abkai mukdehun, เทียนตี้ถัน, หอแผ่นดินและฟ้า
ซึ่งได้ตั้งอยู่ในกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน สร้างในสมัยจักรพรรดิหย่งเล่อแห่งราชวงศ์หมิง เมื่อปี พ.ศ. 1963 (ค.ศ. 1420) โดยมีชื่อว่า เทียนตี้ถัน ต่อมาในปี พ.ศ. 2077 (ค.ศ. 1534) ได้มีการสร้างหอสักการะ ตี้ถัน ขึ้น ชื่อของหอนี้จึงกลายมาเป็นเทียนถันอย่างเดียว เมื่อปี พ.ศ. 2432 (ค.ศ. 1889) ฟ้าผ่าลงมาบนหอเสียหาย และได้มีการสร้างขึ้นใหม่เมื่อปี พ.ศ. 2449 (ค.ศ. 1906)
หอฟ้าเทียนถาน ปัจจุบันกลายเป็นเขตของสวนสาธารณะเทียนถาน
(เทียนถานกงหยวน) ในอดีตจักรพรรดิจะเสด็จออกจากวังหลวงมาประกอบพิธีบวงสรวงบูชาสวรรค์
บูชาฟ้าดิน ขอให้พืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ ฝนตกต้องตามฤดูกาลประจำทุกปี
>>หอเทียนถานมีบริเวณกว้างถึง 2.7 ตารางกิโลเมตร ใหญ่กว่าพระราชวังหลวงถึง 2 เท่า มีกำแพงล้อมรอบด้านเหนือเป็นรูปร่างลักษณะกลม (หมายถึง ท้องฟ้า) ด้านใต้เป็นรูปร่างลักษณะเหลี่ยม (หมายถึง แผ่นดินและโลก) แบ่งออกเป็นเขตของอาคาร 3 ส่วนที่สำคัญคือ
>>หอเทียนถานมีบริเวณกว้างถึง 2.7 ตารางกิโลเมตร ใหญ่กว่าพระราชวังหลวงถึง 2 เท่า มีกำแพงล้อมรอบด้านเหนือเป็นรูปร่างลักษณะกลม (หมายถึง ท้องฟ้า) ด้านใต้เป็นรูปร่างลักษณะเหลี่ยม (หมายถึง แผ่นดินและโลก) แบ่งออกเป็นเขตของอาคาร 3 ส่วนที่สำคัญคือ
1.หอประกอบพิธีบวงสรวงฟ้าดิน “ฉีเหนียนเตี้ยน”
>>ตั้งอยู่ตอนเหนือสุดของสถานที่แห่งนี้ สร้างบนฐานหินหยกขาว 3 ชั้น สูง 2.7 เมตร เป็นอาคารทรงกลม สร้างด้วยไม้ล้วนๆ โดยไม่ใช้ตะปูเลยแม้แต่ตัวเดียว มีขนาดใหญ่มาก เส้นผ่าศูนย์กลางอาคารกว้างถึง 30 เมตร ใช้เสาจากต้นไม้ต้นเดียวขนาดใหญ่ 28 ต้น รองรับน้ำหนักหลังคาทรงกลมซ้อนกัน 3 ชั้น มุงกระเบื้องสีน้ำเงิน ปลายสุดยอดหลังคาประดับด้วยลูกแก้วกลมสีทอง
>>บนฐาน 3 ชั้น จะมีรั้วล้อมรอบทุกชั้น เป็นเสากำแพงหินหยกขาวแกะสลักงดงามได้สัดส่วน กลมกลืนกับหอดีมากตั้งอยู่บนแนวเส้นแกนเดียวกับอาคารอีก 2 แห่ง มีถนนยกระดับเชื่อมต่อกันยาวประมาณ 800 เมตร
>>ภายในหอบวงสรวง ตรงกลางในสุดจะมีเสา 4 ต้น เปรียบเสมือน 4 ฤดูของจีน วงรอบที่ 2 จะมีเสา 12 ต้น เปรียบเหมือน 12 เดือน ใน 1 ปี วงรอบที่ 3 ติดกับผนังมีเสาอีก 12 ต้น รวมเป็น 24 ต้น เปรียบเสมือน 24 ฤดูกาลของการเพาะปลูก รวมทั้งหมดมี 28 ต้น เปรียบเหมือนกลุ่มดวงดาว 28 กลุ่มทางดาราศาสตร์
>>ด้านหลังและด้านข้างของหอแห่งนี้จะมีอาคารที่ประทับของฮ่องเต้ ห้องครัว ห้องฆ่าสัตว์บูชายัญ ห้องเก็บจัดและเตรียมข้าวของเครื่องใช้ในพระราชพิธี
2.หอตั้งป้ายเทพเจ้า “หวางฉุงหยี่”
>>สร้างในปีค.ศ. 1530 ลักษณะคล้ายหอบวงสรวง เป็นทรงกลม มุงกระเบื้องสีน้ำเงิน ปลายหลังคาแหลมหุ้มทอง ตั้งอยู่บนฐานสูง 1.5 เมตร มีรั้วหินหยกแกะสลักเป็นรูปเมฆและมังกร ภายในหอตั้งป้ายชื่อเทพเจ้าฟ้าดิน พระอาทิตย์และพระจันทร์ ใช้ในพิธีบวงสรวงของฮ่องเต้
>>ด้านหน้าหอ (ทิศใต้) จะมีขั้นบันไดทอดยาวลงมาจากฐานสูง มีแผ่นหินก้อนสี่เหลี่ยมขนาดไม่เท่ากันปูเรียง 3 แผ่น เรียกว่า “หิน 3 เสียง” คือเมื่อยืนอยู่บนแผ่นหินแผ่นแรกทีติดกับขั้นบันไดแล้วปรบมือ 3 ครั้ง จะมีเสียงสะท้อนกลับมา 3 ครั้ง พอเขยิบมายืนบนแผ่นหินที่ 2 แล้วปรบมือ 1 ครั้งจะมีเสียงสะท้อนกลับมา 2 ครั้ง ถัดไปยืนบนแผ่นหินแผ่นที่ 3 ปรบมือ 1 ครั้ง จะมีเสียงสะท้อนกลับมาเพียง 1 ครั้ง
>>นอกจากนั้นยังมีกำแพงล้อมรอบปิดเป็นวงกลม เรียกว่า “กำแพงเสียงสะท้อน” โดยที่กำแพงนี้สามารถนำเสียงได้เป็นอย่างดีคือ เมื่อเอาหูแนบชิดกำแพงจะได้ยินเสียงคนพูดที่อยู่อีกด้านนึ่งได้ชัดเจน เป็นที่อัศจรรย์น่าพิสูจน์ด้วยตนเอง
>>สร้างในปีค.ศ. 1530 ลักษณะคล้ายหอบวงสรวง เป็นทรงกลม มุงกระเบื้องสีน้ำเงิน ปลายหลังคาแหลมหุ้มทอง ตั้งอยู่บนฐานสูง 1.5 เมตร มีรั้วหินหยกแกะสลักเป็นรูปเมฆและมังกร ภายในหอตั้งป้ายชื่อเทพเจ้าฟ้าดิน พระอาทิตย์และพระจันทร์ ใช้ในพิธีบวงสรวงของฮ่องเต้
>>ด้านหน้าหอ (ทิศใต้) จะมีขั้นบันไดทอดยาวลงมาจากฐานสูง มีแผ่นหินก้อนสี่เหลี่ยมขนาดไม่เท่ากันปูเรียง 3 แผ่น เรียกว่า “หิน 3 เสียง” คือเมื่อยืนอยู่บนแผ่นหินแผ่นแรกทีติดกับขั้นบันไดแล้วปรบมือ 3 ครั้ง จะมีเสียงสะท้อนกลับมา 3 ครั้ง พอเขยิบมายืนบนแผ่นหินที่ 2 แล้วปรบมือ 1 ครั้งจะมีเสียงสะท้อนกลับมา 2 ครั้ง ถัดไปยืนบนแผ่นหินแผ่นที่ 3 ปรบมือ 1 ครั้ง จะมีเสียงสะท้อนกลับมาเพียง 1 ครั้ง
>>นอกจากนั้นยังมีกำแพงล้อมรอบปิดเป็นวงกลม เรียกว่า “กำแพงเสียงสะท้อน” โดยที่กำแพงนี้สามารถนำเสียงได้เป็นอย่างดีคือ เมื่อเอาหูแนบชิดกำแพงจะได้ยินเสียงคนพูดที่อยู่อีกด้านนึ่งได้ชัดเจน เป็นที่อัศจรรย์น่าพิสูจน์ด้วยตนเอง
3.แท่นบวงสรวง (หวานชิวถาน)
>>เป็นแท่นกลม สูง 3 ชั้น ตั้งอยู่กลางแจ้ง สร้างในปี ค.ศ.1530 ล้อมรอบด้วยรั้วหินหยกขาว แกะสลักเป็นลวดลายเมฆและมังกร ชั้นบนสุดเป็นลานกว้างโล่ง ตรงกลางเป็นหินอ่อนกลม มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 80 เซนติเมตร ล้อมรอบด้วยหิน 9 ก้อน รอบ 2 มีหิน 18 ก้อน มีทั้งหมด 9 รอบ รอบที่ 9 สุดท้ายมีหินล้อมรอบ 81 ก้อน เวลาประกอบพิธี ฮ่องเต้จะคุกเข่าลงตรงใจกลางของแท่นที่มีหินรูปร่างกลมก้อนใหญ่ แล้วตั้งจิตอธิษฐานเพื่อขอพรจากพรจากสวรรค์ ให้ฟ้าฝนตกต้องตามฤดูกาล พืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ และเมื่อพูดด้วยเสียงดังฟังชัด ฮ่องเต้จะได้ยินเสียงสะท้อน(Echo) ชัดเจน ทำให้รู้สึกว่าได้อยู่ใกล้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ใกล้ฟ้า ใกล้สวรรค์ และเหล่าเทพเทวดาเป็นเทคนิคพิเศษของการก่อสร้างและการออกแบบเฉพาะในสมัย โบราณจะมีการเผาไหมเป็นเครื่องบวงสรวงบูชาสวรรค์กันที่นี่อีกด้วย
>>สำหรับสวนสาธารณะเทียนถานในบริเวณใกล้เคียง เป็นที่ที่ชาวจีนนิยมมาออกกำลังกายกันมากทั้งยามเช้าและยามเย็น มีกิจกรรมกลางแจ้งต่างๆสารพัดชนิด ไม่ว่าจะเป็นจ๊อกกิ้ง รำมวยจีน รำดาบ เต้นรำ ตะกร้อ และแบดมินตัน ส่วนผู้อาวุโสจะนั่งจิบน้ำชา เล่นหมากรุก พูดคุยสังสรรค์กันเป็นกลุ่มๆ อย่างสบายอารมณ์
"เทียนถาน"
นับเป็นกลุ่มสิ่งปลูกสร้างสำคัญที่ยังคงสภาพความสวยงาม
ขนาดใหญ่โตและสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของจีนในปัจจุบันโดย
มีชื่อเสียงไปทั่วโลกด้วยแบบการก่อสร้างและสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ
ตัวด้วยโครงสร้างที่มีเอกลักษณ์และการตกแต่งที่สง่างามของโบราณสถานแห่งนี้
ได้รับการยกย่องว่าเป็นกลุ่มสิ่งก่อสร้างโบราณที่สร้างด้วยฝีมือประณีตและ
สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของจีนซึ่งไม่เพียงแต่เป็นอัญมณีเม็ดงามสุกสกาวที่
ประดับในประวัติสถาปัตยกรรมจีนเท่านั้น
หากยังเป็นสิ่งล้ำค่าในประวัติสถาปัตยกรรมของโลกอีกด้วย
"เทียนถาน" ได้รับเลือกให้จัดเป็น
"มรดกโลกทางวัฒนธรรม" เมื่อปี ค.ศ. 1998
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น