วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

รวมวิธีดูแลสุขภาพ: พอกหน้าด้วยสับปะรด

รวมวิธีดูแลสุขภาพ: พอกหน้าด้วยสับปะรด:  พอกหน้าด้วย "สับปะรด" สวัสดีค่า^^  วันนี้เราจะนำสับปะรดซึ่งเป็นผลไม้ไทยที่ใครๆก็รู้จักมาพอกหน้าให้ขาวเนียนกระจ่างใสและไม่มันกันค...

รวมวิธีดูแลสุขภาพ: กระชับรูขุมขนด้วย มะเขือเทศ

รวมวิธีดูแลสุขภาพ: กระชับรูขุมขนด้วย มะเขือเทศ: กระชับรูขุมขนด้วย มะเขือเทศ สวัสดีค่า ^^ วันนี้ เสนอเคล็ดลับว่าด้วยเรื่อง "มะเขือเทศ"       ด้วยคุณสมบัติของมะเขือเทศ...

วันพุธที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

รวมวิธีดูแลสุขภาพ: 5 ข้อที่ควรรู้ เพื่อสุขภาพผิวที่ดี

รวมวิธีดูแลสุขภาพ: 5 ข้อที่ควรรู้ เพื่อสุขภาพผิวที่ดี:  สวัสดีค่าูู^^      5 ข้อที่ควรรู้ เพื่อสุขภาพผิวที่ดี นะคะ บางคนอาจจะไม่รู้ พอมารู้ตัวอีกทีก็กลับกลายเป็นว่าตัวเองนั้นได้พลาดพลั้งท...

รวมวิธีดูแลสุขภาพ: อาหารที่กินแล้ว "ขาใหญ่"

รวมวิธีดูแลสุขภาพ: อาหารที่กินแล้ว "ขาใหญ่": สวัสดีค่า^^   วันนี้เสนอเรื่อง!!!!!!!! ขาใหญ่       รู้ไหมคะว่าการที่คนเรากินอาหารประเภท ยำ ส้มตำ และเมนูอาหารรสเผ็ดจัดจ้านจานน...

วันศุกร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2555

พระราชวังฤดูร้อน หรือ อี้เหอหยวน

 พระราชวังฤดูร้อน หรือ อี้เหอหยวน



พระราชวังฤดูร้อน หรือ อี๋เหอหยวน (จีนตัวเต็ม: 頤和園; จีนตัวย่อ: 颐和园; พินอิน: Yíhé Yuán; Gardens of Nurtured Harmony) เป็นพระราชวังอยู่ในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับพระราชวังหยวนหมิงหยวน ซึ่งห่างจากพระราชวังต้องห้ามไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ประมาณ 8 กิโลเมตร อี๋เหอหยวนมีพื้นที่ประมาณ 2.9 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วยเนินเขาสูง 60 เมตร มีพระตำหนักอยู่บนเนิน และทะเลสาบคุนหมิง มีเนื้อที่ประมาณ 2.2 ตารางกิโลเมตร คิดเป็น 3 ใน 4 ของพื้นที่ทั้งหมด  โดยทะเลสาบนี้เกิดจากการใช้แรงงานคน ขุดดินขึ้นไปถมเป็นเนินเขา สำหรับสร้างพระตำหนัก 
   
>>พระราชวังแห่งนี้เป็นวังกึ่งอุทยานที่สวยงามมาก สร้างขึ้นประมาณ 800 ปีแล้วสมัยราชวงศ์จิ๋น แต่ผู้ที่ทำให้สิ่งก่อสร้างในนี้สวยงามเป็นที่เลื่องลือ ก็คือพระนางซูสีไทเฮาแห่งราชวงศ์ชิง อันเป็นราชวงศ์สุดท้ายของจีน ชื่อเดิมมีเปลี่ยนกันไปหลายชื่อ แต่พระนางตั้งชื่อให้ใหม่ว่า อี้เหอหยวน แปลว่าอุทยานเพื่อพลานามัยอันผสมกลมกลืนกันได้ด้วยดี
เมื่อเดินเข้าไปในบริเวณ สิ่งแรกที่เห็นคือทะเลสาบกว้างใหญ่ ซึ่งเกิดจากแรงงานคนขุดขึ้นมา แล้วเอาดินที่ขุดพูนขึ้นไปเป็นเนินเขาข้างทะเลสาบนั้นเอง ผู้สร้างคือฮ่องเต้เฉียนหลง ใช้ในการฝึกซ้อมทัพเรือ
>>เมื่อศตวรรษที่ 12 จักรพรรดิองค์หนึ่งแห่งราชวงศ์จินทรงมีพระราชโองการให้สร้างที่ประทับแรมขึ้นที่นี่เป็นครั้งแรก ต่อมาในหลายราชวงศ์มีการสร้างเสริมเติมต่อหลายครั้ง พระจักรพรรดิเฉียงหรงแห่งราชวงศ์ชิงทรงมีพระราชโองการให้สร้างขยายอุทยานแห่งนี้ให้กว้างออกไปและทรงให้ชื่อว่า อุทยาน "ชิงอีหยวน" เมื่อ ค.ศ. 1860 อุทยานแห่งนี้ถูกทหารพันธมิตร อังกฤษ - ฝรั่งเศสเผาทําลาย ต่อมาเมื่อ ค.ศ. 1888 พระนางซูสีได้ใช้งบประมาณกองทัพเรือของชาติซี่งเป็นเงินแท่ง 5 ล้านตําลึงมาสร้างอุทยานนี้ขึ้นใหม่ และเปลี่ยนชื่อเป็น "อี้เหอหยวน" อุทยานนี้มีชื่อเลื่องลือไปทั่วโลก ก็ด้วยมีทิวทัศน์สวยงาม
>>อุทยานอี้เหอหยวนประกอบด้วยสองส่วนคือ เขา "ว่านโซ่วซาน" และ ทะเลสาบ "คุนหมิงหู" บนเขาว่านโซ่วซานได้สร้างวิหาร ตำหนัก พลับพลา และเก๋งจีนอันงดงามไว้หลายรูปหลายแบบ ตั้งอยู่ลดหลั่นรับกันกับภูมิภาพ ที่เชิงเขามีระเบียงทางเดินที่มีระยะทางไกลถึง ๗๒๘ เมตร ลัดเลาะไปตามริมทะเลสาบคุนหมิงหู ในทะเลสาบคุนหมิงหูมีเกาะเล็ก ๆ เกาะหนึ่ง มี สะพาน 17 โค้งอันสวยงามเชื่อมติดกับฝั่ง ทั่วทั้งอุทยานจัดไว้ได้สัดส่วนงดงามตระการตาซึ่งแสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ของศิลปะในการสร้างอุทยานของจีน  
   >>ปีค.ศ.1860 สวนชิงอีหยวนถูกเผาทำลายโดยกองทหารอังกฤษและฝรั่งเศส ได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ในปีค.ศ.1866 และเปลี่ยนชื่อมาเป็น 'อี๋เหอหยวน' ต่อมาได้ถูกกองทหารพันธมิตรของมหาอำนาจจักรวรรดินิยม 8 ประเทศ เผาทำลายอีกครั้งในปีค.ศ.1900 หลังจากนั้นราว 3 ปี จึงมีการบูรณะขึ้นอีกครั้ง 




>>ปีค.ศ.1908 ภายหลังที่พระนางซูสีไทเฮาและจักรพรรดิกวงสูเสด็จสวรรคต พระราชวังฤดูร้อนที่ผ่านมรสุมมายาวนานก็ได้ยุติการรับใช้ราชสำนักชิง และเมื่อปีค.ศ.1911 ปีที่การปฏิวัติซินไฮ่ ล้มล้างราชสำนักแมนจูอุบัติขึ้น ‘สวนแห่งราชสำนักอี๋เหอหยวน’ ก็ได้ปิดฉากลง ตามการล่มสลายของราชวงศ์ชิง ก่อนที่จีนจะเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบคอมมิวนิสต์ และได้รับการประกาศเป็นสวนสาธารณะในปี ค.ศ. 1924 โดยอนุญาตให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้ามาเที่ยวชมได้ 

>>สิ่งปลูกสร้างที่เป็นที่กล่าวถึง คือ ศาลาแปดเหลี่ยมที่มีชื่อตามความงามในฤดูกาลทั้งสี่ ได้แก่ หอหลิวเจีย ฉีหลาน ชิวซุ่ย และชิงเหยา ปีค.ศ.1990 ระเบียงยาวแห่งนี้ได้รับการบันทึกให้เป็นระเบียงที่ประดับภาพเขียนที่ยาวที่สุดในโลก ซึ่งมีความยาวถึง 728 เมตร แบ่งเป็น 273 ช่วง แต่ละช่วงมีการแสดงภาพเขียนทิวทัศน์ธรรมชาติ ดอกไม้ และนกนานาชนิด  

>> ปัุจจุบันพระราชวังนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งผู้มาเยือนกรุงปักกิ่งมักจะ ต้องหาโอกาสไปชม ทั้งนี้เนื่องจากความเป็นมาทางประวัติศาสตร์อันโด่งดังของการสร้างพระราชวัง โดยเฉพาะในเรื่องที่ พระนางซูสีไทเฮาเบียดบังเอางบประมาณสร้างกองทัพเรือมาบูรณะอุทยานแห่งนี้ ตลอดจนชื่อเสียงในด้านความงามของทิวทัศน์และสิ่งก่อสร้างภายในอุทยาน ไม่ว่าจะเป็นทะเลสาบคุนหมิงหู ภูเขาวั่นโซ่วซานหรือระเบียงยาว “ฉางหลาง” ที่มองเห็นทะเลสาบอยู่ทางด้านหนึ่ง ขณะที่อีกด้านเป็นภูเขา และอุทยานอี้เหอหยวนยังมีจุดที่น่าไปเยี่ยมชมเพิ่มขึ้นอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือ “ถนนซูโจว”ที่เป็นร้านค้าริมฝั่งคลองแบบภาคใต้ของจีน ซึ่งสร้างขึ้นภายในเขตพระราชฐาน เอกลักษณ์อีกสิ่งหนึ่งของพระราชวังฤดูร้อนอี๋เหอหยวน คือ ระเบียงยาว ที่ทอดตัวยาวคดเคี้ยวบนริมฝั่งทะเลสาบคุนหมิงทางทิศเหนือ มีรูปแบบการก่อสร้างที่มีความพิเศษ คือ ภายในระเบียงด้านในมีการเขียนลวดลายเป็นภาพวาดสีสันแพรวพราวกว่า 15,000 ภาพ ด้านนอกระเบียงสร้างเป็นศาลาพักร้อน หอชมสวน เก๋งจีนเชื่อมต่อตลอดความยาวของระเบียงเป็นระยะๆ  สำหรับใครที่มีโอกาสไปปักกิ่งก็อย่าพลาดที่จะไปเที่ยวชม "พระราชวังฤดูร้อน" แห่งนี้ด้วยนะคะ

วันพฤหัสบดีที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2555

สุสาน 13 กษัตริย์, 十三陵, สุสานสือซานหลิง, หรือวังใต้ดิน

 สุสาน 13 กษัตริย์, 十三陵,  สุสานสือซานหลิง, หรือวังใต้ดิน

     
     สุสาน 13 กษัตริย์ (十三陵,  สุสานสือซานหลิง,วังใต้ดิน)เป็นสุสานแห่งราชวงศ์หมิงซึ่งได้ตั้งอยู่ที่เขา เยียนซานในอำเภอ ชังผิง ชานกรุงปักกิ่ง ห่างจากตัวเมืองปักกิ่ง 50 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ราว 120 ตารางกิโลเมตร การก่อสร้างยืดเยื้อมาเป็นเวลากว่า 200 ปี ตั้งแต่เริ่ม ทำการก่อสร้างในปี ค.ศ.1409 จนถึงราชวงศ์หมิงสิ้นสุดลงในปีค.ศ. 1644 

>>ในบรรดา 13 สุสานนี้ สุสานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและน่าสนใจที่สุดคือสุสาน "ฉางหลิง" ที่มีสิ่งก่อสร้างอันใหญ่โตมหึมาบนผิวดินกับสุสาน "ติ้งหลิง"หรือ "วังใต้ดิน"ที่ได้ขุดพบ สุสานฉางหลิงเป็นสุสานของจักรพรรดิ "จูตี้" ซึ่งครองราชสมบัติระหว่าง ค.ศ. 1402 - 1424 ในสมัยราชวงศ์หมิง สิ่งก่อสร้างสําคัญในบริเวณสุสานนี้มีพระโรงหลิงเอินซึ่งใหญ่โตเท่ากับพระที่นั่งไท่เหอในพระราชวังโบราณ แต่ที่เด่นกว่าพระที่นั่งไท่เหอก็คือ เสา ขื่อ  อกไก่ ระแนง ตลอดจนชายคาของพระที่นั่งล้วนสร้างด้วยไม้ที่มีชื่อว่า "หนานมู่" ซึ่งมีเนื้อไม้ที่แข็งละเอียดและมีกลิ่นหอม เสาขนาดใหญ่ 32 ต้นในพระโรงหลิงเอินใช้ไม้หนานมู่ทั้งนั้น
    
   
>>สุสานติ้งหลิงซึ่งได้ขุดแล้วและเรียกกันว่า "วังใต้ดิน" นั้นประกอบด้วยห้องสูงใหญ่ 5 ห้อง สร้างด้วยหินทั้งหมด ไม่มีเสา ใช้หินสี่เหลี่ยมแผ่นใหญ่ก่อกันเข้าเป็นรูปโค้ง เป็นที่เก็บพระศพของพระเจ้า "จู้อี้จุน" ซึ่งครองราชสมบัติระหว่าง ค.ศ. 1573 - 1620 กับมเหสีสององค์ในสมัยราชวงศ์หมิง
    
>>สุสานชิงตะวันออกหรือชิงตงหลิงอยู่ห่างจากเมืองจุนหั้วมณฑล เหอเป่ยไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ30กิโลเมตร ซึ่งอยู่ระหว่างกรุงปักกิ่ง เมืองเทียนสิน ถางซานและเมืองเฉิงเต๋อ ภายในบริเวณสุสานตะวันออกนั้น ผืนดินด้านใต้นั้นราบเรียบดั่งผืนพรม ส่วนด้านเหนือยังเป็นทิวเขาสูง เขียวขจีสุดลูกหูลูกตา ทิวทัศน์โดยรอบงดงามราวกับแดนสวรรค์  

>>สุสานแห่งนี้เป็นที่ฝังพระศพของจักรพรรดิ ของราชวงศ์หมิงถึง 13 พระองค์ ฮองเฮา 23 พระองค์  รัชทายาท 2 พระองค์ พระสนม 30 คน  และขันทีอีก 1 คน นับว่าเป็นสุสานหลวงที่ฝังศพของจักรพรรดิที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
>>สุสาน 13 กษัตริย์ราชวงศ์หมิง และสุสานหมิงเสี้ยว ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม ในปีค.ศ. 2003


>>การเดินทางจากปักกิ่งไปถึงสุสาน 13 กษัตริย์ นั้นมีระยะทางประมาณ 100 กว่ากิโลเมตร การเดินทางต้องเผื่อเวลารถติดด้วยพราะปักกิ่งนั้นก็รถติดไม่แพ้ประเทศไทยบ้านเราเลย

 เมื่อมาถึงสุสานต้องซื้อตั๋วเข้าชม การเข้าชมสุสานนั้นต้องเดินขึ้นไปบนเชิงเขาเเพราะสุสานนั้นตั้งอยู่บนเชิงเขาและตามความเชื่อของชาวจีนเชื่อกันว่า การสร้างสุสานนั้น จะต้องคำนึงถึงทำเลที่ตั้ง ฮวงจุ้ย ชื่อเมืองที่ตั้งสุสาน เพราะ ถ้ามี ฮวงจุ้ย ที่ดี จะส่งผลให้ลูกหลานได้รับความมงคลยิ่งๆขึ้นไป

วันอังคารที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2555

หอบูชาฟ้าเทียนฐาน,Temple of heaven

หอบูชาฟ้าเทียนฐาน,Temple of heaven 

    หอบูชาฟ้าเทียนฐาน หรือที่รู้จักกันในชื่อต่างๆดังนี้ Temple of heaven, หอสักการะฟ้าเทียนถัน, 天坛, 天壇, Tiāntán, Abkai mukdehun, เทียนตี้ถัน, หอแผ่นดินและฟ้า

    ซึ่งได้ตั้งอยู่ในกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน สร้างในสมัยจักรพรรดิหย่งเล่อแห่งราชวงศ์หมิง เมื่อปี พ.ศ. 1963 (ค.ศ. 1420) โดยมีชื่อว่า เทียนตี้ถัน ต่อมาในปี พ.ศ. 2077 (ค.ศ. 1534) ได้มีการสร้างหอสักการะ ตี้ถัน ขึ้น ชื่อของหอนี้จึงกลายมาเป็นเทียนถันอย่างเดียว เมื่อปี พ.ศ. 2432 (ค.ศ. 1889) ฟ้าผ่าลงมาบนหอเสียหาย และได้มีการสร้างขึ้นใหม่เมื่อปี พ.ศ. 2449 (ค.ศ. 1906)

   หอฟ้าเทียนถาน ปัจจุบันกลายเป็นเขตของสวนสาธารณะเทียนถาน (เทียนถานกงหยวน) ในอดีตจักรพรรดิจะเสด็จออกจากวังหลวงมาประกอบพิธีบวงสรวงบูชาสวรรค์ บูชาฟ้าดิน ขอให้พืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ ฝนตกต้องตามฤดูกาลประจำทุกปี
>>หอเทียนถานมีบริเวณกว้างถึง 2.7 ตารางกิโลเมตร ใหญ่กว่าพระราชวังหลวงถึง 2 เท่า มีกำแพงล้อมรอบด้านเหนือเป็นรูปร่างลักษณะกลม (หมายถึง ท้องฟ้า) ด้านใต้เป็นรูปร่างลักษณะเหลี่ยม (หมายถึง แผ่นดินและโลก) แบ่งออกเป็นเขตของอาคาร 3 ส่วนที่สำคัญคือ
 

1.หอประกอบพิธีบวงสรวงฟ้าดิน “ฉีเหนียนเตี้ยน”
>>ตั้งอยู่ตอนเหนือสุดของสถานที่แห่งนี้ สร้างบนฐานหินหยกขาว 3 ชั้น สูง 2.7 เมตร เป็นอาคารทรงกลม สร้างด้วยไม้ล้วนๆ โดยไม่ใช้ตะปูเลยแม้แต่ตัวเดียว มีขนาดใหญ่มาก เส้นผ่าศูนย์กลางอาคารกว้างถึง 30 เมตร ใช้เสาจากต้นไม้ต้นเดียวขนาดใหญ่ 28 ต้น รองรับน้ำหนักหลังคาทรงกลมซ้อนกัน 3 ชั้น มุงกระเบื้องสีน้ำเงิน ปลายสุดยอดหลังคาประดับด้วยลูกแก้วกลมสีทอง
>>บนฐาน 3 ชั้น จะมีรั้วล้อมรอบทุกชั้น เป็นเสากำแพงหินหยกขาวแกะสลักงดงามได้สัดส่วน กลมกลืนกับหอดีมากตั้งอยู่บนแนวเส้นแกนเดียวกับอาคารอีก 2 แห่ง มีถนนยกระดับเชื่อมต่อกันยาวประมาณ 800 เมตร
>>ภายในหอบวงสรวง ตรงกลางในสุดจะมีเสา 4 ต้น เปรียบเสมือน 4 ฤดูของจีน วงรอบที่ 2 จะมีเสา 12 ต้น เปรียบเหมือน 12 เดือน ใน 1 ปี วงรอบที่ 3 ติดกับผนังมีเสาอีก 12 ต้น รวมเป็น 24 ต้น เปรียบเสมือน 24 ฤดูกาลของการเพาะปลูก รวมทั้งหมดมี 28 ต้น เปรียบเหมือนกลุ่มดวงดาว 28 กลุ่มทางดาราศาสตร์
>>ด้านหลังและด้านข้างของหอแห่งนี้จะมีอาคารที่ประทับของฮ่องเต้ ห้องครัว ห้องฆ่าสัตว์บูชายัญ ห้องเก็บจัดและเตรียมข้าวของเครื่องใช้ในพระราชพิธี

 2.หอตั้งป้ายเทพเจ้า “หวางฉุงหยี่”
>>สร้างในปีค.ศ. 1530 ลักษณะคล้ายหอบวงสรวง เป็นทรงกลม มุงกระเบื้องสีน้ำเงิน ปลายหลังคาแหลมหุ้มทอง ตั้งอยู่บนฐานสูง 1.5 เมตร มีรั้วหินหยกแกะสลักเป็นรูปเมฆและมังกร ภายในหอตั้งป้ายชื่อเทพเจ้าฟ้าดิน พระอาทิตย์และพระจันทร์ ใช้ในพิธีบวงสรวงของฮ่องเต้
>>ด้านหน้าหอ (ทิศใต้) จะมีขั้นบันไดทอดยาวลงมาจากฐานสูง มีแผ่นหินก้อนสี่เหลี่ยมขนาดไม่เท่ากันปูเรียง 3 แผ่น เรียกว่า “หิน 3 เสียง” คือเมื่อยืนอยู่บนแผ่นหินแผ่นแรกทีติดกับขั้นบันไดแล้วปรบมือ 3 ครั้ง จะมีเสียงสะท้อนกลับมา 3 ครั้ง พอเขยิบมายืนบนแผ่นหินที่ 2 แล้วปรบมือ 1 ครั้งจะมีเสียงสะท้อนกลับมา 2 ครั้ง ถัดไปยืนบนแผ่นหินแผ่นที่ 3 ปรบมือ 1 ครั้ง จะมีเสียงสะท้อนกลับมาเพียง 1 ครั้ง
>>นอกจากนั้นยังมีกำแพงล้อมรอบปิดเป็นวงกลม เรียกว่า “กำแพงเสียงสะท้อน” โดยที่กำแพงนี้สามารถนำเสียงได้เป็นอย่างดีคือ เมื่อเอาหูแนบชิดกำแพงจะได้ยินเสียงคนพูดที่อยู่อีกด้านนึ่งได้ชัดเจน เป็นที่อัศจรรย์น่าพิสูจน์ด้วยตนเอง


 3.แท่นบวงสรวง (หวานชิวถาน)
>>เป็นแท่นกลม สูง 3 ชั้น ตั้งอยู่กลางแจ้ง สร้างในปี ค.ศ.1530 ล้อมรอบด้วยรั้วหินหยกขาว แกะสลักเป็นลวดลายเมฆและมังกร ชั้นบนสุดเป็นลานกว้างโล่ง ตรงกลางเป็นหินอ่อนกลม มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 80 เซนติเมตร ล้อมรอบด้วยหิน 9 ก้อน รอบ 2 มีหิน 18 ก้อน มีทั้งหมด 9 รอบ รอบที่ 9 สุดท้ายมีหินล้อมรอบ 81 ก้อน เวลาประกอบพิธี ฮ่องเต้จะคุกเข่าลงตรงใจกลางของแท่นที่มีหินรูปร่างกลมก้อนใหญ่ แล้วตั้งจิตอธิษฐานเพื่อขอพรจากพรจากสวรรค์ ให้ฟ้าฝนตกต้องตามฤดูกาล พืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ และเมื่อพูดด้วยเสียงดังฟังชัด ฮ่องเต้จะได้ยินเสียงสะท้อน(Echo) ชัดเจน ทำให้รู้สึกว่าได้อยู่ใกล้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ใกล้ฟ้า ใกล้สวรรค์ และเหล่าเทพเทวดาเป็นเทคนิคพิเศษของการก่อสร้างและการออกแบบเฉพาะในสมัย โบราณจะมีการเผาไหมเป็นเครื่องบวงสรวงบูชาสวรรค์กันที่นี่อีกด้วย
>>สำหรับสวนสาธารณะเทียนถานในบริเวณใกล้เคียง เป็นที่ที่ชาวจีนนิยมมาออกกำลังกายกันมากทั้งยามเช้าและยามเย็น มีกิจกรรมกลางแจ้งต่างๆสารพัดชนิด ไม่ว่าจะเป็นจ๊อกกิ้ง รำมวยจีน รำดาบ เต้นรำ ตะกร้อ และแบดมินตัน ส่วนผู้อาวุโสจะนั่งจิบน้ำชา เล่นหมากรุก พูดคุยสังสรรค์กันเป็นกลุ่มๆ อย่างสบายอารมณ์

 "เทียนถาน" นับเป็นกลุ่มสิ่งปลูกสร้างสำคัญที่ยังคงสภาพความสวยงาม ขนาดใหญ่โตและสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของจีนในปัจจุบัโดย มีชื่อเสียงไปทั่วโลกด้วยแบบการก่อสร้างและสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ ตัวด้วยโครงสร้างที่มีเอกลักษณ์และการตกแต่งที่สง่างามของโบราณสถานแห่งนี้ ได้รับการยกย่องว่าเป็นกลุ่มสิ่งก่อสร้างโบราณที่สร้างด้วยฝีมือประณีตและ สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของจีนซึ่งไม่เพียงแต่เป็นอัญมณีเม็ดงามสุกสกาวที่ ประดับในประวัติสถาปัตยกรรมจีนเท่านั้น หากยังเป็นสิ่งล้ำค่าในประวัติสถาปัตยกรรมของโลกอีกด้วย "เทียนถาน" ได้รับเลือกให้จัดเป็น "มรดกโลกทางวัฒนธรรม" เมื่อป ค.ศ. 1998